ความภาคภูมิใจ กับประวัติของร้านเรา

อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีจะไม่ให้ผมบอกว่ากะหรี่ดังได้ยังไง ก็ในเมื่อคำขวัญของจังหวัดเขาประกาศกันชัดๆ

ว่า 'นมดี กะหรี่ดัง ต้อง อ.มวกเหล็ก

จ.สระบุรี' (จริงๆ

คำขวัญยาวกว่านี้ แต่ผมขออนุญาตนำมาบอกแค่นี้) ทำไม

ผมต้องพูดถึงขนมชนิดนี้ มีเหตุผลอันใดจึงต้องพูดถึงด้วยเล่าความเดิมมีอยู่ว่า

เมื่อคราวงาน OTOP GLAND SALE 2005 ที่เมืองทองธานี ระหว่าง 27-31

พฤษภาคมที่ผ่านมา เขาได้สรุปผลว่าสินค้าประเภทอาหารที่ขายดี 10

อันดับ

มีอะไรบ้างก็ปรากฏว่ามีขนมกะหรี่ปั๊บติดอันดับขายดีกับเขาด้วย คือห้อยอยู่อันดับ 7

กะหรี่ปั๊บ เจ้าที่ว่าขายดีก็คือ 'กะหรี่ปั๊บคุณปุ๊ก'

สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับเลือกสรรให้เป็นตัวแทนของจังหวัดสระบุรี

ระหว่างวันงานบังเอิญว่าผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมงานเกือบทุกวัน

ร้านไหนขายดี มีคนมุงเยอะๆ ผมก็จะด้อมๆ มองๆ ดูว่าเขาขายดีเพราะอะไร

ร้านไหนมีวางให้ชิมผมก็แอบชิม ร้านไหนไม่มีให้ชิมผมก็ซื้อชิม

เรียกว่าร้านไหนขายดี ร้านไหนอร่อย แทบจะไม่พลาดจากผมไปได้เลย

แถมบันทึกรูป ร้านละ 2-3 รูป

เพื่อว่าจำเป็นต้องนำมาใช้ในวันใดวันหนึ่ง

ร้านกะหรี่ปั๊บคุณปุ๊กก็เช่นกัน

ผมขอถ่ายรูปเจ้าของร้านแต่บังเอิญว่าเจ้าของร้านอายุมากแล้ว

ไม่ได้มาร่วมงานคราวนี้ จึงถ่ายรูปตัวแทนคือ คุณปุ๊ก ผู้เป็นลูกสาวเจ้าของร้านที่ยอมให้ผมถ่ายรูปกับขนมกะหรี่ปั๊บขนาดยักษ์ที่เชื่อว่าขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ซึ่งเจ้าของร้านได้ทำมาโชว์และก็เรียกความสนใจจากลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี

จากที่ได้ชิมกะหรี่ปั๊บเจ้านี้ซึ่งปกติผมไม่เคยเชยชอบขนมชนิดนี้มาก่อน ก็ต้องบอกว่าขอเปลี่ยนใจมาชอบ

เพราะรสชาติอร่อยกว่าที่เคยรับประทานนั่นเองเท่าที่ได้พูดคุยเบื้องต้นกับคุณปุ๊ก

หรือชื่อจริง สุกัลยา ที่ทำหน้าที่ดูแลร้านในวันนั้น

ทำให้รู้ว่าขนมกะหรี่ปั๊บเจ้านี้ขายมานานกว่า 20 ปี

และมีความเป็นมาน่าสนใจทีเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้ผมต้องติดตามไปชิมถึงที่ร้าน

อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่นี่เป็นดินแดนแห่งขนมกะหรี่ปั๊บนับ 100 เจ้า

ตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนน แม้จะมีหลายเจ้า

แต่ผมก็เข้าไม่ผิดร้าน เพราะมีป้ายเขียนไว้ตัวโต เห็นได้ในระยะไกล (มามวกเหล็กทีไร ผมอดนึกถึง ซาลาเปาทับหลีไม่ได้

เพราะขายกันทั้งหมู่บ้านเช่นกัน)ที่ร้านกะหรี่ปั๊บคุณปุ๊ก

ผมได้นัดพบกับคุณแป๊ก หรือชื่อจริงว่า 'สุมณี

ชาติวิวัฒนาการ' เธอเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน ของคุณแม่ย่ง

ผู้ซึ่งเป็นเจ้าตำรับตัวจริงเสียงจริง

คุณแป๊กเล่าให้ผมฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า

ครอบครัวของเธอเริ่มต้นทำขนมกะหรี่ปั๊บขายมาตั้งแต่ประมาณปี 2525'คุณแม่เป็นคนเชื้อสายจีนกวางตุ้ง ถนัดด้านทำขนมขาย มาตั้งแต่ไหนแต่ไร'

ก่อนหน้านั้นคุณแม่ของเธอค้าขายอาหารพวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ตลาดยศเส

กรุงเทพฯ ครั้นต่อมาคุณพ่อได้อพยพมาอยู่ที่อำเภอมวกเหล็กเพื่อมาทำไร่ฝ้าย

ข้างฝ่ายคุณแม่ก็ตามมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน และขายขนมต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปา กล้วยทอด

และขนมอีกหลายชนิดคุณแม่ย่งทำขายมาอย่างโชกโชน

เหตุผลที่เปลี่ยนมาทำขนมกะหรี่ปั๊บ คุณแม่ย่ง

ได้แรงดลใจมาจากการที่ครูต้อ...(เจ้าแรกที่ทำกะหรี่ปั๊บขายที่มวกเหล็ก)

ได้ทำขนมชนิดนี้แล้วขายดี จึงคิดว่าน่าจะลองทำขายดูบ้าง'ที่มวกเหล็กมีเนื้อดี นมดี พอมีกะหรี่ปั๊บอีกตัวก็เหมือนเป็นของดีคู่กัน

จึงทำให้ได้รับความสนใจมาก'

คุณแม่ย่ง ใช้เวลาลองผิดลองถูกประมาณ 6 เดือน

ขนมกะหรี่ปั๊บที่ทำก็เริ่มได้รับการยอมรับ

เดิมขายอยู่ที่ ตลาด อ.ส.ค. (องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย)

เริ่มจากตรงจุดนี้ด้วยรถเข็นเล็กๆ

ทราบว่าเวลานั้นมีอยู่ 2-3 เจ้า

จึงขายดีมากๆพอเวลาผ่านไป 1-2 ปี ก็เริ่มมาเป็นร้านค้า คือ

ทาง อ.ส.ค.ให้การส่งเสริม

ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์เนื้อ และนม ด้วยการจัดทำเป็นล็อกให้ค้าขาย

จากจุดนี้ ร้านกะหรี่ปั๊บคุณปุ๊ก จึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

ใครผ่านไปผ่านมาย่านนี้ จะต้องแวะมาซื้อหาไปฝากคนที่บ้าน 'ทอดปุ๊บ เราให้เขาชิม ไม่ซื้อ ไม่เป็นไร เขาติดใจก็ซื้อกลับไป'

คือยุทธวิธีค้าขาย

ปี 2531 เริ่มขายดีมาก เป็นช่วงที่เศรษฐกิจบูม

ปรากฏว่าทำไม่ทัน ขายได้วันละเป็นหมื่นบาท ซึ่งสมัยนั้นเงินหมื่นนับว่ามากอยู่

ชนิดที่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน

ต่อมา ขยายร้าน เป็น 4 ร้าน

ร้านที่ 1 คุณแม่ดูแล กับคุณปุ๊ก

ขายอยู่ที่ตลาด อ.ส.ค.

ร้านที่ 2 พี่สาวคนโต ชื่อ คุณหมวยใหญ่

หรือชื่อจริงสุวารี เป็นคนดูแล

ร้านที่ 3 พี่ชายชื่อ คุณป็อก

หรือชื่อจริงอัมพร เป็นคนดูแล

ร้านที่ 4 อยู่ ตรงข้ามการไฟฟ้าฯ มวกเหล็ก (ร้านที่ 1-3 อยู่ใกล้กัน) คุณแป๊ก

ดูแลร่วมกับน้องสาวคนเล็กชื่อ คุณหนูเล็ก หรือชื่อจริงกนิษฐา

สรุปว่าพี่น้อง 5 คน

สืบทอดกิจการจากคุณแม่ย่งทั้งหมด เรียกว่าช่วยเหลือคุณแม่มาตลอด

ตั้งแต่ลูกทุกคนยังเล็กๆ

ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนที่จะมาทำกะหรี่ปั๊บขาย

ในบรรดาพี่น้อง 5 คน คุณแป๊ก เก่งที่สุด (คุณแป๊กบอกเอง) เป็นคนคอยควบคุมดูแล

ปรับปรุงเรื่องรสชาติ ควบคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ต่างๆ

เพราะหวังว่าสูตรเหล่านี้จะตกทอดไปสู่ลูกหลาน ไม่ให้สูตรผิดเพี้ยน

เธอจะเป็นคนคอยผลักดัน หาวิธีการหรือวิชาการสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้

อันที่จริงคุณแป๊ก เป็นคนที่เรียนจบการศึกษาน้อยที่สุดคนหนึ่ง

ในบรรดาพี่น้อง 5 คน คือ จบแค่ ม.6 (ยกเว้นน้องอีกคนที่ชื่อคุณปุ๊ก

จบแค่ ป.6 นอกนั้นจบสูงๆ) เหตุที่ไม่ได้เรียน

ก็เพราะช่วยแม่ทำงานบังเอิญว่าวัยเรียนของเธอเป็นยุคเริ่มต้นกิจการที่ยุ่งมาก

กิจการขายดี จึงหยุดการเรียนไว้ ตอนแรกตั้งใจจะเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ก็บังเอิญอีกนั่นแหละที่ว่า วันเสาร์-อาทิตย์

ขายดีกว่าวันธรรมดา ก็เลยอดเรียนอีกอย่าว่าแต่เรื่องเรียนหนังสือเลย

แม้แต่ชีวิตส่วนตัวตอนนี้ อายุ 35 ปี

ช่วงวัยสาวเธอทำงานยุ่งมาตลอด ชนิดที่ว่าข้ามขั้นวัยแต่งงานไปเลย

'รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่งาน' คุณแป๊ก และคุณหนูเล็ก

น้องสาวคนเล็กที่ร่วมวงคุยอยู่ด้วย บอกอย่างอารมณ์ดี

ในความโชคร้าย (ไม่ได้เรียนจบสูง) ก็ยังมีความโชคดี เพราะทำให้ได้คลุกคลีอยู่กับคุณแม่มากกว่าใคร

เพราะเหตุนี้จึงทำกะหรี่ปั๊บเก่งกว่าพี่น้องคนอื่นๆ

เกี่ยวกับกิตติศัพท์ความขายดีของกะหรี่ปั๊บเจ้านี้

เคยสร้างสถิติให้กับร้านเมื่อคราวออกงาน OTOP GLAND SALE 2005 คือ วันอาทิตย์วันเดียวซึ่งเป็นวันที่ขายดีที่สุด กวาดรายได้ 70,000

กว่าบาท

ปกติขายตัวละ 5 บาท แต่งานนี้ขาย 4 บาท ลองคิดดูก็แล้วกันว่า สินค้าราคาขนาดนี้จะต้องขายปริมาณเท่าไร

และคนจะมุงกันมากขนาดไหน

ส่วนยอดขายที่ร้าน ก็น้อยเสียเมื่อไหร่ เสาร์-อาทิตย์

ขายวันละ 20,000 บาท วันธรรมดา 5,000 บาท

ขึ้นไป

เพราะอะไรกะหรี่ปั๊บเจ้านี้จึงขายดีแน่นอนว่าความอร่อยต้องมาอันดับ 1

ในบรรดาขนม 6 ไส้ (ไส้ไก่

หมูเห็ดหอม ถั่วเหลือง เผือก สับปะรด และองุ่น) ไส้ไก่ที่เป็นสูตรต้นตำรับขายดีที่สุด

50% รองลงมาไส้หมู 20% ไส้ที่เหลือตามมาติดๆ

เรื่องความอร่อยและคุณภาพของขนมนี่ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศระดับอำเภอ

และระดับจังหวัด อีกทั้งเป็นสินค้า OTOP 4 ดาว

เป็นของดีมวกเหล็กร่วมกับกลุ่มผู้ผลิตด้วยกัน

เคยได้รับการันตีความอร่อย จากแม่ช้อยนางรำ และนักชิมอีกหลายคน

เป็นขนมที่มี อย.รับรอง

ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าผลิตได้คุณภาพมาตรฐาน

นอกจากนั้น แพ็กเกจจิ้ง หรือบรรจุภัณฑ์ก็มีความโดดเด่น

แถมตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม คือติดถนนใหญ่ ขาเข้ากรุงเทพฯ อ๋อ!...เจ้าของร้านอัธยาศัยดีด้วยละ'สวัดดีค่ะ

จะรับขนมกี่กล่องดีคะ...ระหว่างรอชิมก่อนนะคะ' เป็นเสียงทักทายลูกค้าที่เปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี จริงๆ

ยังมีหลายจุดเด่นที่อยากจะพูดถึง

โดยเฉพาะกลเม็ดเคล็ดลับเรื่องการทำกะหรี่ปั๊บให้อร่อย แต่คงเขียนไม่พอในฉบับเดียว

เอาเป็นว่า ใครอยากรู้อะไรที่มากกว่านี้ ก็ต้องแวะไปพูดคุยหรือแวะชิมที่ร้านกันเอง

สรุปปิดท้ายว่า 'ขนมกะหรี่ปั๊บ

ได้สร้างชีวิตใหม่ให้กับครอบครัวหนึ่ง ที่มาตั้งรกรากที่มวกเหล็ก

ที่เริ่มต้นจากศูนย์ จากที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ก็มีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นมี'

'เราต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อลูกค้า...เราจึงมีวันนี้'

คุณแป๊ก บอกกับผมก่อนจากลา